สถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดภูเก็ต
"มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต"
คณะการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาบทความนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก |
ชื่ออังกฤษ | Faculty of Hospitality and Tourism |
---|---|
ที่อยู่ | 80 หมู่ 1 ถนนวิชิตสงคราม อำเภอกระทู้จังหวัดภูเก็ต |
เว็บไซต์ | http://www.fht.psu.ac.th |
คณะการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เดิมใช้ชื่อ คณะการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว เป็นคณะที่อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (2535-2539) โดยเปลี่ยนชื่อจาก "คณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว" (หลักสูตรภาษาไทย) เป็นหลักสูตรบริหารธุรกิจ วิชาเอก การจัดการโรงแรม (หลักสูตรนานาชาติ) (Bachelor of Business Administration: Hotel Management) มุ่งเน้นการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพในหลักสูตรนานาชาติที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ มีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศในภูมิภาค ผลิตบัณฑิตที่มีความสามารถทำงานในระดับนานาชาติและสามารถได้รับการพัฒนาเป็นผู้บริหารระดับสูงได้
เมื่อได้เปิดหลักสูตรสาขาวิชาวิเทศธุรกิจ(จีน) (International Business: China) ในปีการศึกษา 2544 ชื่อคณะการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว ได้เปลี่ยนมาเป็นคณะอุตสาหกรรมบริการเพื่อให้ครอบคลุมสาขาวิชาใหม่ในสาขาบริการอย่างอื่นนอกจากสาขาวิชาการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว ในปี การศึกษา 2546 คณะได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการบริการและการท่องเที่ยว (หลักสูตรนานาชาติ)(Master of Business Administration in Hospitality and Tourism Management) และในปีเดียวกันได้จัดหลักสูตรร่วมกับ College of Human Environment Science, Oklahoma State University, Still water Oklahoma, USA ในระดับปริญญาเอกสาขา วิชา การจัดการโรงแรม ภัตตาคารและการท่องเที่ยว (Ph.D. in Hotel, Restaurant and Tourism Administration) ต่อมาได้เปิดหลักสูตรจีนศึกษา (Chinese Studies) และไทยศึกษา (Thai Studiese) เพิ่มในปี 2547 และ 2548 ตามลำดับ และในปี 2549 ก็ได้แยกสาขาการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว ออกเป็นสาขาการจัดการการบริการ และการจัดการการท่องเทียว และในปี 2550 ก็ได้หยุดรับสมัครนักศึกษาสาขาการจัดการการโรงแรมและการท่องเที่ยว ปัจจุบันคณะจึงประกอบด้วย 5 สาขาวิชาดังกล่าว
หลักสูตร[แก้]
ระดับปริญญาตรี | ระดับปริญญาโท | ระดับปริญญาเอก |
---|---|---|
หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี)
|
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชื่ออังกฤษ | Faculty of Technology and Environment |
---|---|
ที่อยู่ | 80 หมู่ 1 ถนนวิชิตสงคราม ตำบลกระทู้อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต 83120 |
วันก่อตั้ง | 19 เมษายน พ.ศ. 2548 |
คณบดี | รศ.ดร.พันธ์ ทองชุมนุม |
สีประจำคณะ | สีม่วงคราม |
คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นหน่วยงานระดับคณะ ในสังกัดมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต
ประวัติ[แก้]
คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม วิทยาเขตภูเก็ต ได้แยกตัวออกมาจากวิทยาลัยชุมชนภูเก็ตและจัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตามมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยและประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 เป้าหมายหลักอยู่ที่การผลิตบัณฑิตและผลงานวิชาการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและด้านสิ่งแวดล้อม บูรณาการองค์ความรู้ใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแหล่งความรู้ ที่สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นและประเทศ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการนำไปถ่ายทอดให้เกิดการใช้จริง มีทีมงานที่เข้มแข็งทั้งอาจารย์และสายสนับสนุน มีงานวิจัยที่โดดเด่น มีหลักสูตรที่น่าสนใจ เช่น เทคโนโลยีและการจัดการสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์(ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์) และที่กำลังพัฒนาเป็นจุดเด่นต่อไปคือด้าน Animation และ Multimedia รวมทั้งงานวิจัยและการพัฒนาทรัพยากรและการจัดการสิ่งแวดล้อมฝั่งอันดามัน
วิสัยทัศน์[แก้]
ผลิตบัณฑิตด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสิ่งแวดล้อมที่มีศักยภาพ คุณภาพ ได้มาตรฐาน เป็นแหล่งวิชาการที่ทันสมัย
พันธกิจ[แก้]
1. ผลิตบัณฑิตที่มีคุณธรรม จริยธรรมเป็นนักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและรอบรู้มีความเข้าใจและ สำนึกอันดีต่อตนเอง สถาบันและสังคม
2. พัฒนาผลงานทางวิชาการบูรณาการองค์ความรู้ใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแหล่งความรู้ และอ้างอิงทางวิชาการ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นฝั่งทะเลอันดามัน และประเทศ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการนำไปถ่ายทอดให้เกิดการใช้จริง
3. สนับสนุน ส่งเสริมความพร้อมของบุคลากรทางด้านคุณวุฒิและผลิตผลงานทางวิชาการที่มุ่ง เน้นการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน
4. เป็นผู้นำในการบริการวิชาการด้าน ICT และสิ่งแวดล้อม
5. ส่งเสริมและสนับสนุน ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
2. พัฒนาผลงานทางวิชาการบูรณาการองค์ความรู้ใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแหล่งความรู้ และอ้างอิงทางวิชาการ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นฝั่งทะเลอันดามัน และประเทศ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการนำไปถ่ายทอดให้เกิดการใช้จริง
3. สนับสนุน ส่งเสริมความพร้อมของบุคลากรทางด้านคุณวุฒิและผลิตผลงานทางวิชาการที่มุ่ง เน้นการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน
4. เป็นผู้นำในการบริการวิชาการด้าน ICT และสิ่งแวดล้อม
5. ส่งเสริมและสนับสนุน ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
หลักสูตร[แก้]
ระดับปริญญาตรี | ระดับปริญญาโท | ระดับปริญญาเอก |
---|---|---|
หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (4 ปี)
|
หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและการจัดการสิ่งแวดล้อม
|
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
|
วิทยาลัยชุมชนภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
![]() | |
ชื่ออังกฤษ | Phuket community college |
---|---|
ที่อยู่ | 80 หมู่ 1 ถ.วิชิตสงคราม ต.กะทู้ อ.กะทู้จ.ภูเก็ต 83120 |
วันก่อตั้ง | พ.ศ. 2529 |
คณบดี | อาจารย์วิโรจน์ ภู่ต้อง |
เว็บไซต์ | http://www.pcc.psu.ac.th/ |
วิทยาลัยชุมชนภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็ยวิทยาลัยชุมชนแห่งแรกของประเทศไทย [1] ตั้งอยู่ที่อำภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ปัจจุบัน เปิดสอนในระดับปริญญาโท และหลักสูตรอบรมระยะสั้น
เนื้อหา
[ซ่อน]ประวัติ[แก้]
เมื่อปี พ.ศ. 2516 ศ.น.พ. สวัสดิ์ สกุลไทย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในขณะนั้น ได้ริเริ่มแนวคิดจัดตั้งวิทยาลัยชุมชนขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน และแก้ไขการขาดแคลนบุคลากร โดยได้เริ่มนักศึกษารุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ. 2520 ในระดับประกาศนียบัตร ( 2 ปี ) ในสาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยว และได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง "วิทยาลัยชุมชนภูเก็ต" เมื่อปี พ.ศ. 2529
ในช่วงแรกนั้น ใช้สถานที่ของโรงเรียนเทศบาลในการสอน และฝึกปฏิบัติการในสถานปฏิบัติการภายในจังหวัด ต่อมา จึงได้สร้างสำนักงานของวิทยาลัยขึ้นในภายหลัง อย่างไรก็ตาม วุฒิการศึกษาประกาศนียบัตร ( 2 ปี ) ทำให้เกิดความสับสน กับ วุฒิอนุปริญญา ( 2 ปี )ของสถาบันการศึกษาอื่น รวมทั้งมีสถาบันการศึกษาเปิดเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้จำนวนผู้เรียนนน้อยลงอย่างมาก วิทยาลัยชุมชนภูเก็ตจึงปรับหลักสูตรจาก ระดับประกาศนียบัตร (2 ปี) เป็นหลักสูตรอนุปริญญา (3 ปี) แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเดิมได้ จึงได้งดรับนักศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 [1]
ในปัจจุบัน วิทยาลัยชุมชนภูเก็ตได้เปิดสอนหลักสูตรอบรมระยะสั้น และหลักสูตรในระดับปริญญาโท
หลักสูตร[แก้]
- ระดับปริญญาโท
- หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพัฒนาสังคม
อ้างอิง[แก้]
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
|
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต | |
---|---|
Phuket Rajabhat University | |
![]() | |
คติพจน์ | สติ ปญฺญ ปริหรติ (สติเป็นเครื่องควบคุมการใช้ปัญญา) |
สถาปนา | 9 มิถุนายน พ.ศ. 2514 |
ประเภท | รัฐบาล |
อธิการบดี | ผศ.ดร.ประภา กาหยี |
นายกสภามหาวิทยาลัย | ศ.ดร.สมบูรณ์ สุขสำราญ |
ที่ตั้ง | 21 หมู่ที่ 6 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต |
เว็บไซต์ | www.pkru.ac.th |
- ดูบทความหลักที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (อังกฤษ: Phuket Rajabhat University) ตั้งอยู่ ณ จังหวัดภูเก็ต บนที่ดินเนื้อที่ประมาณ 354 ไร่ 78 ตารางวา ซึ่งเดิมเป็นที่ดินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 78 ไร่ ที่ดินที่ได้รับบริจาคจากขุนเลิศโภคารักษ์และทายาท 273 ไร่ และได้รับบริจาคจากนายโสภณ เอกวานิช 3 ไร่ 78 ตารางวา ทำการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิต และปริญญาโท
ประวัติ[แก้]
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เดิมชื่อว่า “วิทยาลัยครูภูเก็ต” เกิดขึ้นจากการที่กระทรวงศึกษาธิการมีโครงการจัดตั้งวิทยาลัยครูในส่วนภูมิภาคเพิ่มอีก 3 แห่ง เพื่อให้การผลิตครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นไปตามนโยบายและเป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (2515-2519) ในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษา วิทยาลัยครูภูเก็ตเป็นวิทยาลัยครูแห่งหนึ่งของโครงการนี้
วิทยาลัยครูภูเก็ตได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2514 ซึ่งตรงกับพระราชพิธีรัชดาภิเษก - การฉลองครบรอบ 25 ปี การครองราชย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศตั้งวิทยาลัยครูภูเก็ตเมื่อ วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2514 มีนายฉลอง ภิรมย์รัตน์ เป็นผู้อำนวยการ ปีการศึกษา 2518 ได้รับยกฐานะเป็นวิทยาลัยครูตาม พ.ร.บ.วิทยาลัยครู พุทธศักราช 2518 โดยมี นายฉลอง ภิรมย์รัตน์ เป็นอธิการคนแรก
ต่อมา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามวิทยาลัยครูใหม่ว่า “สถาบันราชภัฏ” วิทยาลัยครูภูเก็ตจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สถาบันราชภัฏภูเก็ต” และมีผลบังคับใช้ พ.ร.บ.สถาบันราชภัฏภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2538 และเปลี่ยนเป็น "มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต" เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 โดยมี รศ.ดร.ชิรวัฒน์ นิจเนตร เป็นอธิการบดี และ ดร. พืศิษฐ์ วรอุไร เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย
หน่วยงาน[แก้]
ปัจจุบันมีคณะ สำนัก สถาบัน ได้แก่
- คณะวิทยาการจัดการ
- คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
- คณะเทคโนโลยีการเกษตร
- คณะครุศาสตร์
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี- บทความนี้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย สำหรับความหมายอื่น ดูที่ สงขลานครินทร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ Prince of Songkla University คติพจน์ ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง
ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกแก่ท่านเอง
ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์สถาปนา 22 กันยายน พ.ศ. 2510 ประเภท สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ทุนทรัพย์ ฿4,171,014,200
(2012) [1]อธิการบดี รศ.ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล นายกสภาฯ ศ.ดร.เกษม สุวรรณกุล จำนวนผู้ศึกษา 39,700 (2012) [2] จำนวน ป.ตรี 34,000 (2012) จำนวน ป.โท 5,700 (2012) ที่ตั้ง วิทยาเขตหาดใหญ่
ถนนกาญจนวณิชย์ ตำบลคอหงส์
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
วิทยาเขตปัตตานี
ถนนเจริญประดิษฐ์ ตำบลรูสะมิแล
อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี
วิทยาเขตภูเก็ต
ถนนวิชิตสงคราม อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
วิทยาเขตตรัง
ถนนตรัง-กันตัง ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง
7°00′39″N 100°29′49″Eพิกัดภูมิศาสตร์:
7°00′39″N 100°29′49″E
ต้นไม้ ศรีตรัง สีประจำสถาบัน น้ำเงิน มาสคอต นางสาวศรีตรัง เครือข่าย ASAIHL เว็บไซต์ www.psu.ac.th มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (อังกฤษ:Prince of Songkla University;อักษรย่อ:ม.อ.) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคใต้ของประเทศไทย ตาม พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. ๒๕๑๑ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2510 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 จึงถือว่าวันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันสงขลานครินทร์ในระยะแรกของการก่อตั้ง ได้รับนักศึกษาเข้าศึกษาครั้งแรกในคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยใช้อาคารเรียนของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยมหิดล) เป็นสถานที่ศึกษา และปีต่อมา พ.ศ. 2511 ก็เริ่มย้ายนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์มาเรียนที่จังหวัดปัตตานี ในปี พ.ศ. 2514 ย้ายนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์มาเรียนที่ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นวิทยาเขตที่ใหญ่ที่สุด พ.ศ. 2520 เปิดวิทยาเขตภูเก็ต พ.ศ. 2533 เปิดวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี และ พ.ศ. 2534เปิดวิทยาเขตตรังเนื้อหา
[ซ่อน]- 1 ประวัติ
- 2 สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย
- 3 รายนามอธิการบดี
- 4 วิทยาเขต
- 5 เครือข่ายวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย
- 6 การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
- 7 อันดับและมาตรฐานของมหาวิทยาลัย
- 8 วันสำคัญของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- 9 พิธีพระราชทานปริญญาบัตร
- 10 บุคคลที่มีชื่อเสียง
- 11 การออกนอกระบบเป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐบาล
- 12 อ้างอิง
- 13 แหล่งข้อมูลอื่น
ประวัติ[แก้]
เมื่อปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่ภาคใต้ โดยเริ่มต้นจากการจัดตั้ง "วิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์" เพื่อรอการพัฒนาขึ้นเป็นระดับมหาวิทยาลัย ต่อมา ในปี พ.ศ. 2508 คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติหลักการในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภาคใต้ขึ้นที่ ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยจะใช้เป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "มหาวิทยาลัยภาคใต้" ซึ่งมีสำนักงานชั่วคราวของมหาวิทยาลัยอยู่ที่อาคารคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (อาคารคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน)หลังจากนั้น คณะกรรมการพัฒนาภาคใต้ โดย พ.อ.ถนัด คอมันตร์ นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขอพระราชทานชื่อให้แก่มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่มหาวิทยาลัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่า "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 ตามพระนามฐานันดรศักดิ์ของสมเด็จพระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงถือว่าวันที่ 22 กันยายน ของทุกปีเป็น "วันสงขลานครินทร์"ในปี พ.ศ. 2510 มหาวิทยาลัยที่จังหวัดปัตตานีก่อสร้างเสร็จในบางส่วนแล้วนั้น ศาสตราจารย์ ดร.สตางค์ มงคลสุข และคณะ ได้เดินทางไปตรวจการก่อสร้าง พบว่า บริเวณดังกล่าวไม่เหมาะสมสำหรับเป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ดังนั้น จึงมีความเห็นว่า มหาวิทยาลัยที่จังหวัดปัตตานีนั้นควรใช้เป็นอาคารของคณะศึกษาศาสตร์ และคณะทางศิลปศาสตร์ และได้ย้ายคณะวิศวกรรมศาสตร์ไปตั้งที่ตำบลคอหงส์อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาต่อมา วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2511 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ขึ้น[3] มหาวิทยาลัยจึงกำหนดให้วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็น "วันสถาปนามหาวิทยาลัย"ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยได้เปิดคณะวิชาต่าง ๆ 25 คณะ โดยเปิดสอนสาขาวิชาการต่าง ๆ จำนวน 236 สาขา เป็นการศึกษาระดับปริญญาเอกและเทียบเท่า 20 สาขา หลักสูตรฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง 9 สาขา ปริญญาโท 86 สาขา ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2 สาขา และปริญญาตรี (4-6 ปี) 121 สาขาสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย[แก้]
- ชื่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย สงขลานครินทร์ คือ พระนามฐานันดรศักดิ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ดำรงพระนามอิสริยยศฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้ากรม โดยพระราชทานชื่อ เมืองสงขลา เป็นพระนามทรงกรม เพื่อเป็นเกียรติแก่เมืองสงขลา เมื่อ พ.ศ. 2446 เสมือนเป็นเจ้าแห่งนครสงขลา
- ตราประจำสถาบัน ได้แก่ อักษร ม.อ. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฏ และ จักรกับตรีศูล
- พระมหาพิชัยมงกุฏ คือ ศิราภรณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญแสดงว่าเป็นพระมหากษัตริย์
- จักรกับตรีศูล คือ ตราเครื่องหมายประจำราชวงศ์จักรี
- ม.อ. คือ อักษรย่อมาจากพระนาม "มหิดลอดุลยเดช" อันเป็นพระนามเดิมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
- ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ดอกศรีตรัง
- สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีน้ำเงิน
รายนามอธิการบดี[แก้]
นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีอธิการบดีมาแล้ว 11 คน ดังรายนามต่อไปนี้อธิการบดี รายนามอธิการบดี วาระการดำรงตำแหน่ง 1. พันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ เมษายน พ.ศ. 2510 - มีนาคม พ.ศ. 2512 2. ศาสตราจารย์ ดร.สตางค์ มงคลสุข มีนาคม พ.ศ. 2512 - กรกฎาคม พ.ศ. 2514 3. ศาสตราจารย์ ดร.บัวเรศ คำทอง กรกฎาคม พ.ศ. 2514 - กรกฎาคม พ.ศ. 2516 4. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สวัสดิ์ สกุลไทย กรกฎาคม พ.ศ. 2516 - กรกฎาคม พ.ศ. 2518 5. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ผาสุข กุลละวณิชย์ กรกฎาคม พ.ศ. 2518 - กรกฎาคม พ.ศ. 2522 (วาระที่ 1)
กรกฎาคม พ.ศ. 2528 - พฤษภาคม พ.ศ. 2534 (วาระที่ 2)6. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ทองจันทร์ หงศ์ลดารมภ์ กรกฎาคม พ.ศ. 2522 - มิถุนายน พ.ศ. 2528 7. รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริพงษ์ ศรีพิพัฒน์ มิถุนายน พ.ศ. 2534 - พฤษภาคม พ.ศ. 2540 8. รองศาสตราจารย์ ดร.สุนทร โสตถิพันธุ์ มิถุนายน พ.ศ. 2540 - พฤษภาคม พ.ศ. 2543 9. รองศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2543 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2549 10. รองศาสตราจารย์ ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข 1 มิถุนายน พ.ศ. 2549 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 11. รองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - ปัจจุบัน วิทยาเขต[แก้]
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาสู่ภาคใต้ ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยจึงมีเจตนาที่จะเป็นมหาวิทยาลัยหลายวิทยาเขต ปัจจุบันมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ประกอบด้วย 5 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตหาดใหญ่ วิทยาเขตปัตตานี วิทยาเขตตรัง วิทยาเขตภูเก็ต และวิทยาเขตสุราษฎ์ธานีวิทยาเขตหาดใหญ่[แก้]
วิทยาเขตปัตตานี[แก้]
วิทยาเขตภูเก็ต[แก้]
วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี[แก้]
วิทยาเขตตรัง[แก้]
สถาบันสมทบ[แก้]
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับวิทยาลัยพยาบาลในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เข้าสมทบในมหาวิทยาลัย [4][5] ดังนี้- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ตรัง
- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช
- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ยะลา
- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา
- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี
เครือข่ายวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย[แก้]
สาขาความเป็นเลิศ/สถานวิจัยความเป็นเลิศ/สถานวิจัย/หน่วยวิจัยที่ได้รับ- สาขาความเป็นเลิศ (Discipline of Excellence ; DoE)
- ชีวเคมี (ปี 44-53)
- อุตสาหกรรมเกษตร (สิ้นสุดโครงการปี 49)
- อิสลามศึกษา (สิ้นสุดโครงการปี 49)
- ระบาดวิทยา (ปี 47-56)
- วิศวกรรมเคมี (ก.ค.52-ก.ค.57)
- โครงการสู่ความเป็นเลิศสาขาเภสัชศาสตร์ ระยะ 2
- สถานวิจัยความเป็นเลิศ (Center of Excellence;CoE)
- สถานวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพแห่งคาบสมุทรไทย (ปี49- 53) Centre for Biopersity of Peninsular Thailand
- ศูนย์เครือข่ายความเป็นเลิศด้านนาโนเทคโนโลยีภาคใต้ (สิ้นสุดโครงการปี 54) NANOTEC Center of Excellence at PSU
- สถานวิจัยความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยียางพารา (พ.ย.50-พ.ย.55) Center of Excellence in Natural Rubber Technology
- สถานวิจัยความเป็นเลิศเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ (ก.พ.52-ก.พ.57) Center of Excellence in Agricultural and Natural Resources Biotechnology
- สถานวิจัยความเป็นเลิศระบบนำส่งยา (ก.พ.52-ก.พ.57) Drug Delivery System Excellence Center
- สถานวิจัยความเป็นเลิศด้านนาโนเทคโนโลยีเพื่อการพลังงาน Center of Excellence in Nanotechnology for Energy (CENE)
- สถานวิจัย (Research Center ; RC)
- หน่วยวิจัย (Research Unit; RU)
การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย[แก้]
โดยวิธีรับตรงจากนักเรียนที่กำลังศึกษาในโรงเรียน 14 จังหวัดภาคใต้ โครงการรับตรงต่าง ๆ ที่เป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย และร่วมสอบคัดเลือกกับสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย โดยสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็ปไซต์ งานรับนักศึกษา สังกัดกองทะเบียนและประมวลผล ที่เว็ปไซต์ http://www.entrance.psu.ac.th/อันดับและมาตรฐานของมหาวิทยาลัย[แก้]
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 200 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของทวีปเอเชีย (Asian university rankings - top 200 in 2010) โดยอยู่ในลำดับที่ 95 ในระดับเอเชียของปี 2554 (อันดับ 5 ของประเทศไทย) จากที่เคยได้อันดับที่ 101 ในปี 2553 และ อันดับ 109 ในปี 2552 ซึ่งจัดโดย Quacquarelli Symonds หรือ QS นอกจากนี้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2552 กระทรวงศึกษาธิการได้คัดเลือกให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยแห่งการวิจัยของไทยวันสำคัญของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์[แก้]
วันสถาปนามหาวิทยาลัย[แก้]
วันที่ 12 มีนาคม 2511 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 85 ตอน 24 โดยเรียกว่า “พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2511” และวันที่ 13 มีนาคม เป็นวันที่พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีผลบังคับใช้ ดังนั้น มหาวิทยาลัย จึงได้กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัย โดยถือว่าวันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันคล้าย “วันสถาปนามหาวิทยาลัย”วันสงขลานครินทร์[แก้]
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กำหนดให้วันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัยคือวัน “สงขลานครินทร์” เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดลุยเดช ในการพระราชทานชื่อแก่มหาวิทยาลัยภาคใต้ (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2510 ว่า “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” ตามพระนามฐานันดรศักดิ์ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเทอดทูนเกียรติของสมเด็จพระบรมราชชนก ผู้ทรงมีมหากรุณาธิคุณแด่การศึกษาแพทย์และการพยาบาลของไทยวันมหิดล[แก้]
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กำหนดให้วันที่ 24 กันยายนของทุกปีเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัยเรียกว่า “วันมหิดล” เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเสด็จทิวงคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ โดยมหาวิทยาลัยร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนจะจัดให้มีกิจกรรมวางพวงมาลา หน้าพระบรมรูป ฯ ในทุกวิทยาเขต เพื่อเฉลิมพระเกียรติและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นอกจากนี้ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 เป็นต้นไป มหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรม "วันถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" เพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก ในการสร้างความเจริญแก่ประเทศชาติโดยไม่หวังผลตอบแทน เพิ่มอีกหนึ่งกิจกรรมด้วยวันรูสะมิแล[แก้]
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้เริ่มดำเนินการก่อตั้งที่ตำบลรูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อ พ.ศ. 2509 โดยในเวลาดังกล่าวมหาวิทยาลัยมีสำนักงานชั่วคราวอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ต่อมาในปี 2510 มหาวิทยาลัย ได้เปิดรับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นคณะแรก และในปี 2511 ก็เปิดรับนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ โดยอาศัยพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นที่ทำการเช่นเดียวกัน เมื่อการก่อสร้างอาคารที่ปัตตานีแล้วเสร็จเป็นบางส่วนในภาคการศึกษาที่ 2 นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยก็ได้ย้ายมาอยู่ที่วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี พร้อมกันเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2511 ดังนั้นในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปีจึงเรียกว่าวัน “รูสะมิแล” ซึ่งมีความหมายว่า “สนเก้าต้น” ตามชื่อตำบลที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเพื่อระลึกถึงการมาอยู่ที่ตำบลรูสะมิแลวันแรกพิธีพระราชทานปริญญาบัตร[แก้]
พิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จัดให้มีขึ้นในเดือนกันยายนของทุกปีโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรโดยใช้สถานที่สลับกันปีเว้นปีระหว่างวิทยาเขตปัตตานี (หอประชุมใหญ่) และวิทยาเขตหาดใหญ่ จนถึงปีพุทธศักราช 2530 หลังจากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีเสด็จฯแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร และในปีพุทธศักราช 2539 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีเสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร แต่หลังจากปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมาได้จัดขึ้นที่วิทยาเขตหาดใหญ่โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีเสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญาบัตรแต่บัณฑิตกิตติมศักดิ์ และบัณฑิตจากทุกวิทยาเขต โดยตั้งแต่ปีการศึกษา 2550 เป็นต้นไปบัณฑิตจะรับพระราชทานปริญญาบัตร ณ ห้องประชุมประธาน (Convention Hall) ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีบุคคลที่มีชื่อเสียง[แก้]
- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (อดีตอาจารย์พิเศษคณะศึกษาศาสตร์) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2536
- สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ (ศิษย์เก่าศึกษาศาสตร์) พิธีกร, โปรดิวเซอร์, ผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด
- วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ (ศิษย์เก่ามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ผู้ก่อตั้ง นิตยสาร A Day
การออกนอกระบบเป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐบาล[แก้]
พ.ศ. 2549 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ชะลอการผลักดันพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสู่สถาบันในกำกับของรัฐ เพื่อรอความชัดเจนของพระราชบัญญัติส่งเสริมมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ของรัฐบาล ห่วงการดูแลพนักงาน การสนับสนุนงบ และสิทธิประโยชน์ สภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จัดเสวนาเรื่อง อธิการบดีกับการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยฯ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2549 เพื่อให้บุคลากร นักศึกษาได้รับทราบความชัดเจนของเส้นทางสู่การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาลของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เนื่องจากมีหลายมหาวิทยาลัยใช้ช่วงเวลาการเปลี่ยนรัฐบาล เร่งนำพระราชบัญญัติของตนสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติ และหลายสถาบันได้เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับแล้ว โดยมีบุคลากรและนักศึกษาเข้าร่วมฟังประมาณ 100 คน และกว่าครึ่งเป็นนักศึกษาจากวิทยาเขตปัตตานี รองศาสตราจารย์ ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดี กล่าวถึงกระแสของสังคมในฝ่ายที่ยังไม่ต้องการให้มหาวิทยาลัยมีการปรับเปลี่ยนระบบบริหารว่า มี 3 เรื่องคือการเป็นห่วงว่าจะมีการผลักภาระค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้กับประชาชน การเกรงว่าจะขาดการควบคุมดูแลการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม และ มีหลายคนที่เห็นว่าการเข้ามาทำหน้าที่ของรัฐบาลปัจจุบันไม่ได้มาจากเหตุผลเรื่องปัญหามหาวิทยาลัย จึงควรที่จะรีบแก้ปัญหาใหญ่ ๆ ก่อนจะดีกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาคมมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่งกำลังกังวลเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ระบบต่างก็มีส่วนที่เป็นข้อดี เช่น การยังอยู่ในระบบราชการ รัฐจะยังให้การสนับสนุนงบประมาณ จะได้รับการไว้วางใจจากสังคมโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในภาคใต้ เป็นที่พึ่งของชุมชน สามารถชี้นำสังคมได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบต่อสถานภาพของตน ยากต่อการทุจริต และบุคลากรมีสวัสดิการและความมั่งคงสูง ส่วน การออกเป็นมหาวิทยาลัยนอกระบบราชการ นั้น จะมีความคล่องตัวทั้งด้านการบริหาร การเงิน การบริหารงานบุคคล และวิชาการ (แต่ต้องมีผู้บริหารที่เป็นธรรม) บุคลากรมีความกระตือรือร้นทำให้องค์กรเติบโตเร็ว โครงสร้างมีความยืดหยุ่น และมีความสามารถในการแข่งขัน จากความไม่ชัดเจนที่ยังมีในหลายเรื่องโดยเฉพาะการสนับสนุนงบประมาณ และ การดูแลพนักงานให้เท่าเทียมข้าราชการ ทำให้รัฐบาลปัจจุบันได้ประกาศจะไม่นำพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยใดเข้าพิจารณาในสภานิติบัญญัติอีก จนกว่าจะมีการออกพระราชบัญญัติส่งเสริมมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐเป็นที่เรียบร้อย อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ดังนั้นในภาวะที่หลายมหาวิทยาลัยได้มีการปรับเปลี่ยนระบบบริหารไปแล้ว และภายในมหาวิทยาลัยเองก็มีทั้งบุคลากรที่อยู่นอกระบบราชการคือ “พนักงาน” และ “ข้าราชการ” ซึ่งยังอยู่ในระบบราชการแต่จะลดลงเรื่อย ๆ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงมีทางให้เลือกเดินอยู่ 4 ทาง คือ นำมหาวิทยาลัยสู่มหาวิทยาลัยนอกระบบราชการ ให้ทันในอายุของรัฐบาลชุดนี้ รอดูความชัดเจนเรื่องการสนับสนุนของรัฐ ต่อมหาวิทยาลัยนอกระบบฯ และพนักงาน ให้คงสภาพเช่นนี้ต่อไป คือยอมให้บุคลากรอยู่นอกระบบ ส่วนมหาวิทยาลัยอยู่ในระบบ ไม่ออกนอกระบบ.... และขอให้รัฐบาลโอนพนักงานของมหาวิทยาลัยจำนวน 1,400 คน กลับมาเป็นข้าราชการ “ ท่าทีของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ตอนนี้ คือการรอความชัดเจนของพระราชบัญญัติส่งเสริมมหาวิทยาลัยนอกระบบ และยังยืนยันในร่างพระราชบัญญัติที่มหาวิทยาลัยเสนอไปแล้ว แต่หากทุกอย่างไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ เราก็จะได้เห็นภาพของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่เป็นหน่วยงานราชการ แต่มีบุคลากรเป็นพนักงาน และมีคณะที่เป็นทั้งหน่วยราชการและหน่วยงานในกำกับ” อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าว บุคลากรและนักศึกษาที่เข้าร่วมรับฟังได้มีการเสนอความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ เนื่องจากเชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาท้องถิ่นได้ เพราะจะมีการเน้นถึงผลกำไรเพื่อมาเลี้ยงตัวเองให้ได้มากกว่า และจะทำให้ผู้เข้าศึกษาต้องรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นแน่นอน ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมผู้ที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ภาคใต้อยู่แล้ว นอกจากนั้น ยังขอให้ประชาคมโดยเฉพาะนักศึกษามีส่วนร่วมรับรู้ข้อมูลและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ นักศึกษาที่เข้ารับฟัง ยังได้มีการแจก “แถลงการณ์เครือข่ายรณรงค์คัดค้านการแปรรูปมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” โดยมีเนื้อหาไม่เห็นด้วยกับการผลักดันมหาวิทยาลัยสู่มหาวิทยาลัยในกำกับ เนื่องจากการเพิ่มค่าใช้จ่ายเป็นการตัดโอกาสคนในชุมชนให้เข้าศึกษา เพราะการศึกษาไม่ใช่มีไว้สำหรับผู้มีทุนเท่านั้นแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องได้รับ และเรียกร้องให้ผู้บริหารยึดถือพระราโชวาทที่ให้ถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นอันดับแรก อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวในที่สุดว่า การตัดสินใจและการแสดงความคิดเห็นในวันนี้ เป็นความคิดที่อยู่บนพื้นฐานของสมมุติฐานทั้งสิ้น ในขณะที่ความเป็นจริงยังไม่มีความแน่นอนในหลายเรื่อง ดังนั้น การพบปะเพื่อให้ข้อมูลและเพื่อขอความเห็นในลักษณะนี้ หากจะมีขึ้นอีกก็จะเป็นการดีที่จะได้ทำความเข้าใจกันไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าจะให้ดีแล้วจะต้องให้มีความชัดเจนในหลายเรื่องก่อน มิฉะนั้นเราจะต้องถกเถียงกัน วิเคราะห์กันท่ามกลางความไม่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีบางส่วนที่มีความชัดเจนขึ้นในประมาณเดือนมิถุนายน 2550 แพทย์ และบุคลากรด้านการแพทย์ ม.อ.หาดใหญ่ เตรียมพบ “ยิ่งลักษณ์” งาน ครม.สัญจรที่ จ.ภูเก็ต จี้ทบทวนกฎหมาย 14 ฉบับ ที่ดันมหาวิทยาลัยออกนอกระบบพ.ศ. 2555 นายมนูญ หมวดเอียด พยาบาลโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ ซึ่งจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดภูเก็ต ทางคณะแพทย์ศาสตร์ ม.อ. มี อาจารย์แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ และกายภาพบำบัด จะเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือและยื่นหนังสือให้รัฐบาลทบทวน มติ ครม. ที่ได้นำเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ จำนวน 14 ฉบับ เมื่อปี 2541 - 2544 โดยมีหนังสือที่ยื่นถึงนายกรัฐมนตรี จำนวน 1 หน้า พร้อมเอกสารแนบจำนวน 100 หน้า ซึ่งเป็นรายละเอียด โดยคณะจะเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยประมาณ 17.00 น. หลังจากเลิกงานแล้ว การไปพบนายกรัฐมนตรีของบรรดาแพทย์แผนกต่าง ๆ พร้อมกับพยาบาล จำนวน 50 คน จะไม่ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ป่วยแต่อย่างใด นายมนูญ กล่าว ก่อนให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บรรดาแพทย์ พยาบาล ที่ศึกษาและทำงานอยู่กับมหาวิทยาลัย สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้เข้ารับราชการ ต่างกับแพทย์ พยาบาล ที่สังกัดอยู่กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรับราชการ ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล แพทย์ ประจำโรงพยาบาลอำเภอ จังหวัด แต่พยาบาลและแพทย์ ของ ม.อ. ต่างเป็นพนักงานลูกจ้าง แม้กระทั่งอาจารย์แพทย์เองก็ยังเป็นลูกจ้าง จึงจำเป็นต้องปลดล็อกกฎหมาย 14 ฉบับนี้ออกส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
อ้างอิง[แก้]
- Jump up↑ http://www.isranews.org/เวทีทัศน์/59-2012-08-12-13-59-01/15781--81-.html
- Jump up↑ http://www.planning.psu.ac.th/2009-10-27-08-14-30.html
- Jump up↑ พระราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. ๒๕๑๑, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๑, เล่ม๘๕, ตอน ๒๔ก, หน้า ๑๒๗
- Jump up↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชกฤษฎีการับวิทยาลัยพยาบาล ในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เข้าสมทบในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. ๒๕๔๖, เล่ม ๑๒๐, ตอน ๓๖ก, ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖, หน้า๑
- Jump up↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชกฤษฎีการับวิทยาลัยพยาบาล ในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เข้าสมทบในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙, เล่ม ๑๒๓, ตอน ๙๖ก, ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙, หน้า ๑๐
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง
- รัก ม.อ. ดอตคอม - ชุมชนออนไลน์สำหรับคนรัก ม.อ.
- โฟโต้เอกซ์ไซด์ดอตคอม - Galleryคนรัก ม.อ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น