
ที่ตั้งและอาณาเขต[แก้]
อำเภอกะทู้มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอถลาง
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเมืองภูเก็ต
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเมืองภูเก็ต
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับทะเลอันดามัน
ที่มาของชื่อ[แก้]
อำเภอกะทู้สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากคำว่า "กราบาตู" แปลว่า อ่าวหิน แล้วหดลงเป็น "กราตู" แล้วเป็น "กราทู" "กระทู" และ"กะทู" ตามลำดับ ในใบบอกเรื่องการปราบอั้งยี่ของหมื่นเสมอใจราช (พระยามนตรีสุริยวงศ์ ชื่น บุนนาค) พ.ศ. 2419 ก็เขียนว่า "กะทู" แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็น กะทู้ เพื่อให้มีความหมายในภาษาไทย และคำนี้ก็อาจจะมาจากคำว่า "กราซาตู" แปลว่า อ่าวที่หนึ่ง ก็ได้
ประวัติ[แก้]
เมื่อศัตรูเข้าโจมตีเมืองถลางแตกในปี พ.ศ. ๒๓๕๒ พญาถลางเจ๊ะมะเจิมได้ย้ายเมืองถลางจากบ้านเคียน (ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง) มาตั้งที่ทำการอยู่ที่บ้านท่าเรือ(ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง)แล้ว บุตรชายคือพญาวิชิตสงคราม(แก้ว)ไปเป็นเจ้าเมืองภูเก็ตอยู่ที่บ้านเก็ตโฮ่ (ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้) พระยาวิชิตสงคราม (ทัด) ย้ายเมืองภูเก็ตไปตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งคาปากคลองบางใหญ่ เพื่อเป็นคลังแร่ดีบุกที่ขนย้ายมาจากเมืองภูเก็จที่เก็ตโฮ่และส่งไปต่างประเทศจากท่าเรือที่สะพานหิน เมืองภูเก็จที่เก็ตโฮ่เป็นลานแร่ดีบุกที่ต้องใช้กุลีจำนวนมากเพราะเหมืองแร่พัฒนาจากเหมืองบ่อไปเป็นเหมืองหาบ กุลีชาวจีนฮกเกี้ยนจึงเข้ามามากในสมัยรัชกาลที่ ๔ - ๕ เมื่อรัชกาลที่ ๕ ทรงปรับปรุงระบบราชการ ได้แบ่งเมืองภูเก็จไปเป็นอำเภอทุ่งคาและเมืองภูเก็จบ้านเก็ตโฮ่เป็นอำเภอกะทู้
ประชากร[แก้]
ประชากรในอำเภอกะทู้ มีหลายชาติพันธุ์ มีชาวจีนกลุ่มต่าง ๆ อาศัยอยู่จำนวนมาก ชาวจีนกวางตุ้ง ไหหลำ ฮกเกี้ยน เปอรานากัน(Peranakan) โดยส่วนมากเป็นชาวจีนฮกเกี้ยน และเปอรานากัน ที่มาปักหลักฐานอยู่เมื่อสมัยเหมืองแร่ดีบุก และยังมีชาวมอญ ที่อาศัยอยู่บริเวณป่าตองแต่มีจำนวนน้อยกว่าชาวจีน
การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
| ![]() |
การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]
ท้องที่อำเภอกะทู้ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลเมืองป่าตอง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลป่าตองทั้งตำบล
- เทศบาลเมืองกะทู้ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกะทู้ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลกมลา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกมลาทั้งตำบล
ทรัพยากรทางการท่องเที่ยว[แก้]
- ศาลเจ้ากะทู้ (ไลทูเต๊าบูเก๊ง) มีเลาเอี๋ยเป็นเทพประธานประจำศาลเจ้า เป็นศาลเจ้าแรกที่ประกอบพิธีการกินผัก (เจี๊ยะฉ่าย) มาก่อน 180 ปี
- น้ำตกกะทู้ ไหลจากเขาหว้าซึ่งเป็นควนเขาสูงอันดับที่ 2 ของจังหวัดภูเก็ต
- พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ เปิดในวันทำการราชการ แสดงนิทรรศการการทำเหมืองแร่เหมืองรู เหมืองปล่อง เหมืองแล่น เหมืองหาบ เหมืองสูบ-ฉีด เหมืองเรือขุด มีแร่ดีบุก โลหะดีบุก แทนทาลัม และวิถีชีวิตของชาวกะทู้ อำเภอถลาง อำเภอหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต
ที่ตั้งและอาณาเขต[แก้]
อำเภอถลางมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอตะกั่วทุ่ง (จังหวัดพังงา)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวพังงา
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเมืองภูเก็ตและอำเภอกะทู้
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับทะเลอันดามัน
ประวัติ[แก้]
พื้นที่เดิมของเกาะถลาง หรือ เกาะภูเก็ต ในแผนที่ของคลอดิอุส ปโตเลมี ประมาณ พ.ศ. 700 ระบุไว้ในชื่อ JUNK CEYLON เมื่อครั้งที่หลวงจีนอี้จิงเดินทางผ่านไปสืบพระพุทธศาสนาเรียกบริเวณนี้เป็น SILAN เปลี่ยนเสียงเป็น สลาง ในสมัยสุโขทัย มีปรากฏในจดหมายเหตุไทย - ฝรั่งเศส เป็น Jun Salon ฝ่ายเอกสารไทยใช้ ฉลาง มาจนถึงรัชกาลที่ 3 จึงมีปรากฏคำ ถลาง แทนชื่ออื่นทั้งหมดในหัวเมืองฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้มีศูนย์กลางปกครองที่เมืองถลาง เจ้าเมืองถลางจะได้รับโปรดเกล้าฯเป็นผู้สำเร็จราชการแปดหัวเมือง (เมืองกระ เมืองคุระ เมืองคุรอด เมืองตะกั่วป่า เมืองตะกั่วทุ่ง (บางคลี) เมืองกราภูงา เมืองภูเก็จ และเมืองถลาง)ศูนย์กลางการปกครองเมืองถลางในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ อยู่ที่บ้านลิพอน (ตำบลศรีสุนทร)มีพญาถลางคางเสงเป็นเจ้าเมือง ย้ายไปอยู่ที่บ้านดอน (ตำบลเทพกระษัตรี)มีพญาถลางจอมเฒ่าบ้านดอนเป็นเจ้าเมือง และเกาะบ้านเคียน (ตำบลเทพกระษัตรี) ในสมัยกรุงธนบุรี มีพญาถลางจอมรั้งบ้านเคียน พญาถลางอาด พญาถลางชู พญาสุรินทราชาพิมลอัยาขัน เป็นเจ้าเมือง พ.ศ. ๒๓๒๙ มีพญาเพชรคีรีศรีพิชัยสงครามรามคำแหง(เทียน ประทีป ณ ถลาง) เป็นเจ้าเมือง ถัดไปเป็นพระยาถลางฤกษ์ (จันทโรจวงศ์) พญาถลางทับ พญาถลางคิน และพญาถลางชู(เจ้าเมืองถลางคนสุดท้าย)อำเภอถลางในอดีตเป็นเมืองของสองวีรสตรีท้าวเทพกระษัตรี และ ท้าวศรีสุนทร เดิมเรียกว่า อำเภอเมืองถลาง มีเจ้าเมืองปกครองเรียกว่า พระยาถลาง ได้จัดตั้งเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ. 2441การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
1. เทพกระษัตรี (Thep Krasattri) 11 หมู่บ้าน 2. ศรีสุนทร (Si Sunthon) 8 หมู่บ้าน 3. เชิงทะเล (Choeng Thale) 6 หมู่บ้าน 4. ป่าคลอก (Pa Khlok) 9 หมู่บ้าน 5. ไม้ขาว (Mai Khao) 7 หมู่บ้าน 6. สาคู (Sakhu) 5 หมู่บ้าน การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]
ท้องที่อำเภอถลางประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 8 แห่ง ได้แก่- เทศบาลตำบลเชิงทะเล ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลเชิงทะเล
- เทศบาลตำบลเทพกระษัตรี ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลเทพกระษัตรี
- เทศบาลตำบลศรีสุนทร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศรีสุนทรทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลป่าคลอก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลป่าคลอกทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเทพกระษัตรี ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเทพกระษัตรี (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี)
- องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเชิงทะเล (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลเชิงทะเล)
- องค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไม้ขาวทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสาคู ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสาคูทั้งตำบล
สถานที่สำคัญ[แก้]
- สนามบินภูเก็ต(สนามบินนานาชาติ ภูเก็ต) ตำบลไม้ขาว
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง ตำบลศรีสุนทร
- วนอุทยานสัตว์ป่าเขาพระแทว
- วัดพระทอง(วัดพระผุด) ตำบลเทพกระษัตรี
- วัดพระนางสร้าง ตำบลเทพกระษัตรี
- อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร ตำบลศรีสุนทร
- อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ตำบลสาคู และตำบลไม้ขาว อำเภอเมืองภูเก็ต เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต
ที่ตั้งและอาณาเขต[แก้]
อำเภอเมืองภูเก็ตมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอถลางและอำเภอกะทู้
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวพังงา
- ทิศใต้ ติดต่อกับทะเลอันดามัน
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับทะเลอันดามัน
ประวัติ[แก้]
อำเภอเมืองภูเก็ตเดิมใช้ชื่อว่า เมืองภูเก็จ เป็นเมือง ๑ ใน ๘ หัวเมืองภาคใต้ฝั่งทะเลตะวันตก ปรากฏชื่อเมืองภูเก็จในปลายกรุงศรีอยุธยา และเมื่อพบจดหมายเหตุเมืองถลางที่เก็บรักษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ จึงปรากฏชื่อเจ้าเมืองภูเก็จ เรียกว่า เมืองภูเก็จ คือบุตรชายของท่านผู้หญิงจัน(ท้าวเทพกระษัตรี) ชื่อพญาเทียน (ต้นนามสกุลประทีป ณ ถลาง) มีบริเวณเมืองอยู่ที่บ้านเกาะแก้ว บ้านบางคู บ้านสะปำเมื่อเมืองถลางถูกศัตรูเข้าโจมตีแตกในปี พ.ศ. ๒๓๕๒ บุตรชายพญาถลางเจ๊ะมะเจิมคือ พญาวิชิตสงคราม(แก้ว) เป็นเจ้าเมืองภูเก็จอยู่ที่บ้านเก็ตโฮ่ (ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้) พระยาวิชิตสงคราม(ทัด) ย้ายเมืองภูเก็จมาที่บ้านทุ่งคาปากคลองบางใหญ่ เมืองภูเก็จเจริญพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะโลกต้องการแร่ดีบุก เมืองภูเก็จต้องการกุลีในเหมืองแร่ กุลีส่วนใหญ่มาจากมณฑลฮกเกี้ยน(ฟูเจี้ยน) ที่ผ่านมาจากสิงคโปร์ มะละกา ปีนัง และมาจากมณฑลฮกเกี้ยนโดยตรงในสมัยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี(คอซิมบี้ ณ ระนอง)เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็จ ชื่อภูเก็จเริ่มหายไปมีภูเก็ตเข้ามาแทนกลายชื่อเป็นเมืองภูเก็ตในเวลาต่อมาแต่เดิมอำเภอเมืองภูเก็ตนั้นมีชื่อว่า อำเภอทุ่งคา แต่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น อำเภอเมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481[1]การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
1. ตลาดใหญ่ (Talat Yai) - 2. ตลาดเหนือ (Talat Nuea) - 3. เกาะแก้ว (Ko Kaeo) 7 หมู่บ้าน 4. รัษฎา (Ratsada) 7 หมู่บ้าน 5. วิชิต (Wichit) 9 หมู่บ้าน 6. ฉลอง (Chalong) 10 หมู่บ้าน 7. ราไวย์ (Rawai) 7 หมู่บ้าน 8. กะรน (Karon) 4 หมู่บ้าน การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]
ท้องที่อำเภอเมืองภูเก็ตประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 แห่ง ได้แก่- เทศบาลนครภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่ตำบลตลาดใหญ่และตลาดเหนือทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลกะรน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกะรนทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลรัษฎา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลรัษฎาทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลราไวย์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลราไวย์ทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลวิชิต ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวิชิตทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลฉลอง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลฉลองทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเกาะแก้วทั้งตำบล
หน่วยกู้ภัย[แก้]
- มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต (กู้ภัยกุศลธรรม)
- มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย (กู้ภัยภูเก็ต) ที่ตั้ง 10/11 ม.5 ซ.ตาเอียด(เจ้าฟ้า6) ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83130 โทร.076-283346-7 (เดิมสำนักงานตั้งอยู่ ณ วัดนาคาราม ต.วิชิต)
อ้างอิง[แก้]↑ "พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนนามจังหวัดและอำเภอบางแห่ง พุทธศักราช ๒๔๘๑". ราชกิจจานุเบกษา (ใน Thai) 55 (0 ก): 658. 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น